lottoup หวยออนไลน์
365kub คาสิโนออนไลน์

ปัจจุบันนี้คงจะเป็นกังวลกันในเรื่องของเจ้าเชื้อไวรัส เชื้อร้ายโควิด-19 ซึ่งอาจจะทำให้ใครหลาย ๆ ไม่เป็นอันทำมาหากินกันเลย แน่นอนที่บ้านเมืองเราเป็นเมืองพุทธ และมีความเชื่อว่า บทสวดมนต์รัตนสูตร จะช่วยปัดเป่าโรคระบาดได้

วันนี้แม่หมอมีเรื่องเมื่อสมัยครั้งพระพุทธกาล เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนชีพอยู่ ได้มีโรคระบาดเกิดขึ้นผู้คนล้มตายเปป็นอันมาก ได้มีกล่าวไว้ว่า

พระพุทธเจ้า

ความเป็นมาของ บทสวดมนต์รัตนสูตร

เมื่อครั้งพุทธกาล กรุงเวสาลีเกิดทุพภิกขภัย ฝนแล้งข้าวกล้าตายเกลื่อนกลาด ชาวเมืองมากมายล้มตายเพราะความอดอยากและโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาด ต้องนำศพมากมายไปทิ้งนอกเมือง

ครั้นพวกอมนุษย์ได้กลิ่นคนตายก็พากันเข้าพระนคร รบกวนมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ บรรดาเจ้าลิจฉวีจึงตกลงให้เชิญเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาโปรด

เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จถึงเขตแดนนครเวสาลี ฝนโบกขรพรรษก็โปรยเม็ดลงมา ซากศพทั้งปวงถูกน้ำลงสู่แม่น้ำคงคาจนหมดสิ้น และเมื่อพระองค์เสด็จถึงกรุงเวสาลี ท้าวสักกะจอมทวยเทพและหมู่เทพก็เสด็จมา ยังผลให้อมุษย์ทั้งหลายต้องหลบลี้หนีไปจากเมืองเวสาลี

จากนั้นพระพุทธเจ้าได้ตรัสเรียกพระอานนท์สั่งว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงเรียนรัตนสูตรนี้ ถือเครื่องประกอบพลีกรรม เที่ยวเดินไประหว่างปราการ 3 ชั้นแห่งกรุงเวสาลีกับพวกเจ้าลิจฉวีราชกุมาร

ทำพระปริตร แล้วได้ตรัสรัตนสูตร พอพระเถระกล่าวว่า ยงฺกิญฺจิ เท่านั้นพวกอมนุษย์ทั้งหลายก็หลบหนีไปจนหมดสิ้น โรคภัยทั้งหลายก็หมดสิ้นไป

ดังนั้น บทสวดมนต์รัตนสูตร จึงเป็นบทสวดที่องค์สมเด็จพระสัมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาสเพื่อขจัดปัดเป่าภัยความอดอยาก ภัยจากโรคระบาด และภัยจากอมนุษย์ที่มาเบียดเบียน เราชาวพุทธจึงถือเป็นธรรมเนียมสวดพระสูตรนี้เพื่อขจัดโรคภัย

สวดมนต์

บทสวดมนต์รัตนสูตร

(ก่อนสวดรัตนสูตรให้ตั้งนะโม 3 จบก่อน)
ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข
สัพเพ วะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ อะโถปิ สักกัจจะ สุณันตุ ภาสิตัง
ตัสมา หิ ภูตา นิสาเมถะ สัพเพ เมตตัง กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ
ทิวา จะ รัตโต จะ หะรันติ เย พะลิง ตัสมา หิ เน รักขะถะ อัปปะมัตตา ฯ

ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา สัคเคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง
นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ อิทัมปิ พุเธ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง ยะทัชฌะคา สักยะมุนี สะมาหิโต
นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สุจิง สะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ
สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ
เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ ฯ

เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ
เต ปัตติปัตตา อะมะตัง วิคัยหะ ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ยะถินทะขีโล ปะฐะวิง สิโต สิยา จะตุพภิ วาเตภิ อะสัมปะกัมปิโย
ตะถูปะมัง สัปปุริสัง วะทามิ โย อะริยะสัจจานิ อะเวจจะ ปัสสะติ
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

เย อะริยะสัจจานิ วิภาวะยันติ คัมภีระปัญเญนะ สุเทสิตานิ
กิญจาปิ เต โหนติ ภุสัปปะมัตตา นะ เต ภะวัง อัฏฐะมะมาทิยันติ
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

สะหาวัสสะ ทัสสะนะสัมปะทายะ ตยัสสุ ธัมมา ชะหิตา ภะวันติ
สักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉิตัญจะ สีลัพพะตัง วาปิ ยะทัตถิ กิญจิ
จะตูหะปาเยหิ จะ วิปปะมุตโต ฉะ จาภิฐานานิ อะภัพโพ กาตุง
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

กิญจาปิ โส กัมมัง กะโรติ ปาปะกัง กาเยนะ วาจายุทะ เจตะสา วา
อะภัพโพ โส ตัสสะ ปะฏิจฉะทายะ อะภัพพะตา ทิฏฐะปะทัสสะ วุตตา
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

วะนัปปะคุมเพ ยะถา ผุสสิตัคเค คิมหานะมาเส ปะฐะมัสมิง คิมเห
ตะถูปะมัง ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ นิพพานะคามิง ปะระมัง หิตายะ
อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

วะโร วะรัญญู วะระโท วะราหะโร อะนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ
อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัสมิง
เต ขีณะพีชา อะวิรุฬหิฉันทา นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข
ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง พุทธัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข
ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง ธัมมัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข
ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

สวดมนต์กลุ่ม
สวดมนต์กลุ่ม

คำแปล บทสวดรัตนสูตร

หมู่ภูตผีปีศาจประจำถิ่นทั้งหลาย ที่ประชุมกันอยู่ในเมืองนี้ก็ดี ที่ประชุมกันอยู่ในอากาศก็ดี ขอหมู่ภูตผีปีศาจทั้งปวงนั้น จงเป็นผูมีใจดี และจงฟังธรรมของพระตถาคตเจ้าที่เรากล่าวแล้วนี้ โดยเคารพเถิด

เพราะเหตุนี้ที่ท่านทั้งหลาย เป็นผู้มีใจดีอย่างนี้นั้นแล ท่านภูตผีปีศาจทั้งหลาย จงตั้งใจฟัง แล้วกระทำไมตรีจิตในชุมชนหมู่มนุษย์ ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาท รักษาหมู่มนุษย์ผู้ซึ่งสังเวยท่านด้วยพลีกรรมทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอดกาลทุกเมื่อเถิด ฯ

ทรัพย์อันทำให้ยินดีและปลื้มใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ในโลกนี้หรือโลกอื่น หรือว่ารัตนะอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์หรือรัตนะนั้น ๆ ที่จะวิเศษเสมอด้วยพระตถาคตเจ้านั้นไม่มีเลย คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พระศรีศากยมุนีเจ้า ผู้มีพระทัยดำรงตั้งมั่น ได้บรรลุถึงความสิ้นไปแห่งกิเลสและความสิ้นไปแห่งราคะ อันเป็นอมตธรรมอันประณีตแล้ว สิ่งวิเศษใด ๆ จะเสมอด้วยพระธรรมนั้น ย่อมไม่มี คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญสมาธิว่าเป็นธรรมอันสะอาด และบัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า สมาธิเป็นคุรธรรมอันให้ผลโดยลำดับสม่ำเสมอ คุณธรรมอื่น ๆ ที่จะเสมอด้วยสมาธิที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญแล้วนั้น ย่อมไม่มี คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พระอริยบุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ ที่สัตบุรุษสรรเสริญแล้วนั้น เป็นสาวกของพระสุคตเจ้า เป็นผู้ควรรับทานที่หมู่ชนนำมาถวาย ทานทั้งฟลายที่ถวายในพระอริยบุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ เหล่านั้นย่อมมีผลมาก คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประรีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พระอริยบุคคลทั้งหลายในศาสนาของพระสมณโคดมเจ้า เป็นผู้ประกอบด้วยความเพียรดีแล้ว มีใจมั่นคง มีความใคร่ออกไปแล้ว พระอริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น เป็นผู้ถึงอรหัตผลที่ควรถึง ได้หยั่งจิตเช้าสู่นิพพาน

แล้วได้ความดับกิเลสโดยง่ายแบบกินเปล่า แล้วจึงเสวยผลที่ได้นั้นอยู่ตลอดกาล คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

เสาเขื่อนที่ฝังลงดินแล้วย่อมไม่หวั่นไหวสั่นสะเทือนด้วยลมพายุจาก ๔ ทิส ฉันใด เราตถาคต ย่อมเรียนบุคคลผู้มีปัญญษอันหยั่งลงเห็นอริยสัจทั้งหลายว่าเป็นสัตบุรุษผู้ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรม มีอุปมาแม้ฉันนั้น คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พระโสดาบันผู้กระทำให้แจ้งซึ่งอริยสัจทั้งหลาย ที่พระตถาคตเจ้าผู้มีพระปัญญาอันลึกซึ่งทรงแสดงไว้ดีแล้ว แต่พระโสดาบันนั้นก็ยังเป็นผู้ประมาทอยู่ ถึงกระนั้น ท่านย่อมไม่ก่อกรรมเป็นเหตุให้ถือเอาการเกิดในภพชาติที่ ๘ อีกอย่างแน่นอน คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ คือ สักกายทิฎฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปราสาท ได้แล้ว พร้อมด้วยความถึงพร้อมแห่งการเห็นด้วยปัญญานั้นเทียว อนึ่ง พระโสดาบันเป็นผู้พ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔ แล้ว เป็นผู้ไม่อาจเพื่อจะกระทำอถิฐานะ

คือเหตุแห่งความฉิบหายอันยิ่งใหญ่ ทั้ง ๖ ได้แก่ อนันตริยกรรม ๕ และการไปเข้ารีตศาสนาอื่นได้อีกต่อไป คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พระโสดาบันนั้นยังกระทำบาปกรรมเล็กน้อย ด้วยกายหรือวาจาใจบ้าง แม้เพราะเหตุคือ การทำบ่ปกรรมแม้เล็กน้อยนี้ ก็ไม่ควรเพื่อจะปกปิดบาปกรรมอันนั้น เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้แล้วว่า

พระโสดาบันเป็นผู้เห็นทางพระนิพพานแล้ว จึงไม่ควรเพื่อจะปกปิดบาปกรรมอันเล็กน้อยนั้น คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พุ่มไม้ในป่า ออกยอดบานในระยะต้นเดือนที่อากาศเริ่มร้อนแห่งฤดูร้อนฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมอันประเสริฐ เป็นทางให้ถึงพระนิพพาน เพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่หมู่สัตว์ทั้งหลาย มีอุปมาฉันนั้น คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ทรงรู้ธรรมอันประเสริฐ ทรงให้ธรรมอันประเสริฐ เป็นผู้นำมาซึ่งธรรมอันประเสริฐ เป็นผู้ยอดเยี่ยมหาผู้อื่นในโลกเทียบไม่ได้ ได้ทรงแสดงซึ่งพระธรรมอันประเสริฐแล้ว คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

กรรมเก่าของพระอริยบุคคลทั้งหลายสิ้นแล้ว กรรมอันแต่งให้เกิดใหม่ย่อมไม่มี มีจิตอันหย่ายในภพต่อไปแล้ว พระอริยบุคคลเหล่านั้น สิ้นพืชคือตัณหาคือเหตุให้เกิดแล้ว ไม่มีความพอใจในภพงอกขึ้นมาอีกแล้ว

เป็นผู้มีปัญญา ย่อมดับกิเลสไม่มีเชื้อเหลือเหมือนสว่างอันดับไปแล้วฉะนั้น คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

หมู่ภูตผีปีศาจประจำถิ่นทั้งหลาย ที่ประชุมกันอยู่ในที่นี้ก็ดี ที่ประชุมกันอยู่ในอากศก็ดี เราทั้งหลายจงพากันนอบน้อมพระพุทธเจ้า ผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น ซึ่งเป็นผู้ที่เทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมี ฯ

หมู่ภูตผีปีศาจประจำถิ่นทั้งหลาย ที่ประชุมกันอยู่ในที่นี้ก็ดี ที่ประชุมกันอยู่ในอากศก็ดี เราทั้งหลายจงพากันนอบน้อมพระธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมี ฯ

หมู่ภูตผีปีศาจประจำถิ่นทั้งหลาย ที่ประชุมกันอยู่ในที่นี้ก็ดี ที่ประชุมกันอยู่ในอากศก็ดี เราทั้งหลาย จงพากันนอบน้อมพระอริยสงฆ์ผู้มาแล้วอย่างนั้น ซึ่งเป็นธรรมที่เทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมี ฯ

สรุป

พุทธศาสนาเป็นที่พึ่งทั้งทางใจ และที่พึ่งในทุก ๆ ทาง ให้แก่ชาวพุทธทั้งหลาย การสวดมนต์นี้จะช่วยให้ผู้ที่สวดเกิดความสบายใจ ช่วยให้มีกำลังใจ

การสวดมนต์เป็นประจำนั้นจะช่วยเพิ่มพลังงานที่ดี พลังงานบวก เป็นการสะสมบุญบารมี ที่ช่วยให้ผู้สวดนั้นพบแต่สิ่งที่ดี ๆ พ้นจากภัยอันตราย พ้นจากมารทั้งปวง