สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ท่านมีฉายาว่า ‘อมฺพโร’ มาจากชื่อเดิมคือ “อัมพร ประสัตถพงศ์” เป็นเจ้าอาวาสของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ท่านมีฉายาว่า ‘อมฺพโร’ มาจากชื่อเดิมคือ “อัมพร ประสัตถพงศ์” เป็นเจ้าอาวาสของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ และพระสังฆราชองค์แรกในรัชกาลที่ 10 หรือองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ท่านยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) กรรมการมหาเถรสมาคม และแม่กองงานพระธรรมทูตอีกด้วย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ในช่วงปี2470 ซึ่งเป็น 12 ค่ำ เดือน 7 และเป็นปีเถาะด้วย โดยท่านเกิดที่ตำบลบางป่า อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ปัจจุบันอายุ 92 ปี บิดาชื่อ “นายนับ” มารดาชื่อ “ตาล ประสัตถพงศ์” ครอบครัวของท่านทำอาชีพค้าขายมาก่อน

ประวัติการศึกษา
ท่านสมเด็จพระอริยวงศ์ฯ เคยเรียนที่ลพบุรี ในกองบินน้อยที่ 4 โคกกระเทียม โดยโรงเรียนของท่านมีชื่อว่า “โรงเรียนเทวานุเคราะห์” ท่านเรียนจนจบชั้นป.1 แล้วจึงได้มามาศึกษาต่อที่โรงเรียนประชาบาลวัดพเนินพลูจนจบชั้น ป. 4 ในปี พ.ศ. 2480
การศึกษาพระปริยัติธรรม
- พ.ศ.2480 ท่านได้บวชเป็นสามเณรที่วัดแห่งหนึ่งในราชบุรี โดยเป็นตำบลหน้าเมือง ซึ่งวัดแห่งนี้มีนามว่า “วัดสัตตนารถปริวัตร” ซึ่งในพิธีนั้นมีพระธรรมเสนานีเป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งหลังจากนั้นท่านก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดตรีญาติ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมแทน โดยตั้งอยู่ในตำบลพงสวาย
- พ.ศ.2483 ท่านได้เข้าสอบและสำเร็จนักธรรมชั้นตรี
- พ.ศ.2484 ท่านได้เข้าการทดสอบนักธรรมชั้นโท
- พ.ศ.2586 ท่านสอบได้นักธรรมชั้นเอก และได้เปรียญธรรม 3 ประโยค
- พ.ศ.2488 ท่านได้เปรียญธรรม 4 ประโยคจากการสอบ
- พ.ศ.2490 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
- พ.ศ.2491 ท่านได้สอบเปรียญธรรม 5 ประโยคได้ รวมทั้งยังเข้าพิธีอุปสมบทเป็นภิกษุ ที่ มหาพัทธสีมาวัดราชบพิธฯ
- พ.ศ.2493 ท่านสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค
- พ.ศ.2500 ท่านได้ไปเข้าเรียน ณ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และเป็นนักศึกษารุ่นที่ 5 โดยจบศาสนศาสตร์บัณฑิต
- พ.ศ.2509 ท่านได้เข้าอบรมพระธรรมทูตเพื่อไปต่างประเทศ ซึ่งท่านเป็นรุ่นแรกของพระธรรมทูต หลังจากนั้นท่านได้ไปเรียนปริญญาโทประเทศอินเดียจนจบในปี2512ด้วย ซึ่งเป็นด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ที่ มหาวิทยาลัยพาราณสี
- พ.ศ.2516 ท่านได้เดินทางไปออสเตรเลีย ยังเมืองซิดนีย์ เพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธ โดยท่านเป็นตัวแทนทูต
- พ.ศ. 2552 ท่านได้รับถวายศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ โดยเป็นสาขาวิชาพุทธศาสตร์ จากสภามหาวิทยาลัย ของมหามกุฏราชวิทยาลัย
- พ.ศ. 2553 ท่านได้รับถวาย ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ โดยเป็นสาขาวิชาธรรมนิเทศ จากสภามหาวิทยาลัย ของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผลงานด้านต่างๆ
- งานด้านการศึกษา ท่านสมเด็จพระอริยวงศ์ฯ เคยเป็นผู้มอบทุนการศึกษาแก่ผู้ขาดแคลนทุนการศึกษา และมอบให้กับนักเรียนดีเด่น นอกจากนั้นท่านเคยเป็นผู้สอนธรรมะให้กรรมการมหาวิทยาลัยมหากุฏราชวิทยาลัย กรรมการสนามหลวงฯ อีกทั้งยังสอนพระภิกษุ และสามเณรในหลายแห่งด้วย
- งานด้านสาธารณูปการ ท่านเคยเป็นประธานในการก่อสร้างวัดในนครปฐม โดยวัดแห่งนี้ชื่อว่า วัดแหล่งทองแดงพรหมสราราม ที่ตั้งอยู่ในอำเภอดอนตูม รวมทั้งในวโรกาวฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ท่านยังเป็นประธานในด้านฝ่ายบรรพชิต สำหรับพระมหาธาตุเจดีย์ และเขตพุทธาวาสเฉลิมพระเกียรติด้วย ในโอกาส 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านก็ได้ไปออสเตรเลียเช่นกัน
- งานด้านการสาธารณสงเคราะห์ สมเด็จพระอริยวงศ์ฯ เคยนำเงินช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม แผ่นดินไหว ไฟไหม้ ฯลฯ ซึ่งท่านได้เป็นรองประธานกองทุนของมหาเถรสมาคม
คำกล่าวของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
“เกิดมามีแต่คนช่วยเหลือถือว่ามีบุญ แต่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่นๆ เป็นคนมีบุญมากกว่า”
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ลำดับสมณศักดิ์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2514 ท่านดำรงตำแหน่งพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระปริยัติกวี
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2524 ท่านดำรงตำแหน่งพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสารสุธี ศรีปริยัติวราทร ยติคณิสสรฯ
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ท่านได้ตำแหน่งพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพเมธาภรณ์ สุนทรธรรมานุนายกฯ
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ท่านได้เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมเมธาภรณ์ สุนทรวาสนวงศวิวัฒฯ
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2543 ท่านได้ดำรงตำแหน่งพระราชาคณะเจ้าคณะรองที่ พระสาสนโสภณ วิมลญาณอดุลสุนทรนายกฯ
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ท่านได้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ พิพัฒนพงศ์วิสุตฯ
- 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ท่านได้กลายเป็น “สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” ในรัชกาลที่ 10
เมื่อปีพ.ศ. 2412 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามได้ถูกสร้างขึ้น โดยเป็นวัดหลวงชั้นเอกของไทย ซึ่งเป็นชนิดราชวรวิหาร โดยวัดแห่งนี้สร้างตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันตั้งอยู่บนถนนราชบพิธ แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานครฯ
หากได้ไปที่วัดนี้สิ่งที่ห้ามพลาดก็คือ พระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์แบบไทย เกยและพลับพลาเปลื้องเครื่อง หอระฆังและหอกลอง ศาลาราย และสุสานหลวงของกษัตริย์
ส่วนใหญ่คนนิยมไปไหว้วัดระฆังโฆสิตาราม, วัดอรุณราชวราราม, วัดโพธิ์ ท่าเตียน, วัดภูเขาทอง, วัดสระเกศ, วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร, วัดราชนัดดารามวรวิหาร และวัดพระแก้ว สถานที่ประดิษฐาน พระคู่บ้านคู่เมือง
สรุป
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับวงการศาสนาพุทธและเป็นเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ดี เอาใจใส่ในหน้าที่การงาน ไม่เพียงเท่านั้นยังเพียบพร้อมไปด้วยความรู้ที่หลากหลาย ประสบการณ์ในการทำงาน พร้อมทั้งความตั้งใจแน่วแน่ในการทำนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาด้วย
หากใครอยากเสี่ยงดวงงวดนี้ ตรวจหวย แนะนำให้ลองเอาเลขเกี่ยวกับท่านไปเล่นได้ที่เว็บ Tode เว็บนี้จ่าย 3 ตัว 1,200 เลยทีเดียว ไม่แน่ว่าการมาอ่านประวัติท่าน อาจเป็นปาฏิหาริย์ให้เรามาเจอเลขเด็ดก็ได้
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก khaosod
บทความแนะนำ