Contentsประวัติหลวงปู่หลิวความเชื่อเกี่ยวกับหลวงปู่หลิว […]
หากเอ่ยถึงเครื่องรางของขลังที่ผู้คนนิยมมาบูชา 1 ในนั้น คงมีชื่อของ พญาเต่าเรือน อยู่เป็นแน่แท้ นั่นก็เป็นเพราะพญาเต่าเรือน เป็นของขลังที่ให้พุทธคุณด้านอายุยืนเหมือนเต่า ร่างกายแข็งแรง หายจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึง หากมีไว้บูชาจะนำพาโชคลาภ และทรัพย์สินเงินทองมาให้ ผู้คนจึงเสาะแสวงหามาไว้ครอบครองเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
ซึ่ง พญาเต่าเรือน ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั้นได้แก่ พญาเต่าเรือนหวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ก่อนที่จะไปรู้จักกับของขลังอย่าพญาเต่าเรือน เราไปทำความรู้จัก หลวงปู่หลิว เกจิดังเมืองนครปฐมกันก่อนดีกว่า
ประวัติหลวงปู่หลิว
หลวงปู่หลิว เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ปี พ.ศ.2448 ณ บ้านหนองอ้อ ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ในตระกูล “แซ่ตั้ง” ของนายเต่ง และนางน้อย เป็นบุตรคนที่ 3 จากทั้งหมด 9 คน
ในขณะที่เด็กๆ วัยเดียวกันกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่ท่านกลับมองเห็นถึงความยากลำบากของครอบครัว จึงช่วยที่บ้านทำมาหากินพร้อมเรียนวิชาช่างไม้จากพ่อไปด้วย นอกจากนี้ท่านยังสนใจเกี่ยวกับยาสมุนไพรและศึกษาเรื่อยมา จนกลายเป็นหมอยาประจำหมู่บ้าน
แต่แล้ววันหนึ่งท่านก็ต้องทิ้งบ้านเกิด เข้าป่าไปเรียนวิชาอาคมกับพระอาจารย์ชาวกะเหรี่ยงอยู่ 3 ปี ก่อนจะกลับมาปราบโจรที่รังแกครอบครัวจนพ่ายแพ้ แล้วท่านก็แยกตัวออกมาทำงานของตัวเอง และมีภรรยาชื่อนางหยด มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน
จนอายุได้ 27 ปี ท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงตัดสินใจบรรพชาเป็นพระภิกษุ ณ วัดโบสถ์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยมี หลวงพ่อโพธาภิรมย์ วัดบำรุงเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์ห่อ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “ปณฺณโก”

จากนั้นจึงกลับไปจำพรรษาที่วัดหนองอ้อ และเดินทางไปศึกษาวิชาอาคมเพิ่มเติมกับอาจารย์ชาวกะเหรี่ยงอีกครั้ง รวมทั้งหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี, พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช และ หลวงพ่ออุ้ม จ.นครสวรรค์ รวมถึงคณาจารย์อีกหลายท่าน
ด้วยความที่หลวงปู่หลิวมีความชำนาญด้านงานช่าง ขณะที่จำพรรษาที่ ‘วัดหนองอ้อ’ เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญให้ ‘วัดโคก’ จ.สุพรรณบุรี ต่อมาได้ย้ายไปจำพรรษาที่ ‘วัดร้าง’ ในหมู่บ้านท่าเสา เพื่อช่วยสร้างกุฏิและโบสถ์จนเสร็จ ในปีพ.ศ.2484 ได้รับนิมนต์ไปช่วยบูรณะ‘วัดสนามแย้’ จ.กาญจนบุรี จนวัดเจริญรุ่งเรือง
จากนั้นไปสร้าง‘วัดไทรทองพัฒนา’ขึ้นใหม่ที่ ต.จระเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี โดยในช่วงนั้นท่านได้เก็บสะสมเงินจากการบริจาคของญาติโยมไปสร้าง ‘วัดไร่แตงทอง’ที่ ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน ซึ่งเป็นบ้านเกิด ก่อนที่จะย้ายมาจำพรรษาและพัฒนาจนเป็นวัดใหญ่โตมีชื่อเสียง
นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างสำนักสงฆ์ประชาสามัคคี อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และสถานีอนามัยบ้านไร่แตงทอง (หลวงปู่หลิว ปัณณโก อุปถัมภ์) เฉลิมพระเกียรติ ปี 2540 จนท้ายสุดกลับมาจำพรรษาที่วัดหนองอ้อในฐานะพระลูกวัด และมรณภาพลงเมื่อวันจันทร์ที่ 4 กันยายน ปี พ.ศ.2543 สิริอายุ 95 พรรษาที่ 74
ความเชื่อเกี่ยวกับหลวงปู่หลิว ปณณโก
หลังจากหลวงปู่หลิวมรณภาพแล้ว 5 ปีหรือในปี พ.ศ.2548 พระใบฎีกาสายชล จิตตะกาโร เจ้าอาวาสวัดไร่แตงทองรูปปัจจุบันและศิษยานุศิษย์ ได้จัดสร้างรูปเหมือน หลวงปู่หลิว นั่งประทับพญาเต่าเรือน องค์ใหญ่ พร้อมด้วยวิหารครอบเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความดี
ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนต่างเลื่อมใสศรัทธาพากันหลั่งไหลไปกราบสักการะขอพร บนบานศาลกล่าว และลอดใต้ตัวเต่า ด้วยความเชื่อว่าจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บและมีอายุยืนยาว นอกจากนี้ยังเช่าบูชาวัตถุมงคลหลวงพ่อหลิว ด้วยกิตติศัพท์ลือเลื่องว่า จะมีโชคมีลาภ ค้าขายร่ำรวย และมีเมตตามหานิยม

คาถาขอลาภหลวงปู่หลิว (จุดธูป 3 ดอกหรือ 5 ดอกก็ได้)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ(3 ครั้ง)
จะขอลาภหลวงปู่หลิวจะมะหาเถรา
สุวรรณณะมามา ระชะมามา เพชรชะมามา
อาหาระมามา ขาทะนียะมามา โภชะนียะมาม
สัพเพชะนา พะหูชะนา สัพพะบูชา ภะวันตุเม
นะชาลีติ อาคัจฉัยยะ อาคัจฉาหิ
จากนั้นจึงเริ่มท่อง “คาถาพญาเต่าเรือน”
นะมะภะทะ นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ นะอุทะกะ เมมะอะอุอะ

เต่าเรือน ของขลังศักดิ์สิทธิ์ ของ หลวงปู่หลิว ปณณโก
ความเป็นมาของเต่าเรือนนั้น มีเรื่องเล่าว่า ตอนที่พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นพญาเต่าเรือน ได้คลานขึ้นไปบนเนินเขาแล้วกลั้นใจกลิ้งทิ้งตัวลงมา เมื่อถึงตีนเขาก็ถึงกาลกิริยาแตกดับ
ผู้คนได้อาศัยเนื้อพระโพธิสัตว์หรือพญาเต่าเรือนมาบริโภคเป็นอาหาร แล้วเอากระดองทำเป็นพาหนะกลับสู่บ้านเมืองอย่างปลอดภัย ภายหลังผู้คนเหล่านั้นได้ระลึกนึกถึงบุญคุณของพญาเต่าเรือน จึงได้วาดภาพไว้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล และต่อมาจึงได้มีการสร้างเป็นวัตถุมงคลรูปเต่าลงอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกไว้บูชาสืบทอดมาถึงปัจจุบัน

ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพญาเต่าเรือน ได้มีพระเกจิอาจารย์หลายสำนักนำไปสร้างวัตถุมงคล แต่ที่โด่งดังที่สุด คือ พญาเต่าเรือน หลวงปู่หลิว ปณฺณโก วัดไร่แตงทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
ท่านได้จัดสร้างและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล พญาเต่าเรือน ในรูปแบบต่างๆ ไว้อย่างหลากหลาย ทั้งเหรียญรูป พญาเต่าเรือน เนื้อโลหะ เนื้อผงพุทธคุณ รูปเหมือนบูชา ผ้ายันต์ ฯลฯ แต่ที่ทำออกมามากที่สุดก็คือ เหรียญพญาเต่าเรือน
โดย วิธีการบูชาพญาเต่าเรือน นั้น ต้องตั้งวางต่ำกว่าพระพุทธ และควรมีน้ำหล่อไว้ พร้อมทั้งถวายผักบุ้ง หรือ ดอกไม้หอมลอยไว้ หมั่นคอยเติมน้ำให้เต็มเสมอ เพราะเชื่อว่าหากน้ำลด จะทำให้โชคลาภนั้นหดหายตามไป หากบูชาดีก็จะเป็นดั่งแก้วสารพัดนึกให้สมหวังดังใจหมาย แต่ท้ายที่สุดต้องหมั่นทำความดี อยู่ในศีลธรรม ดั่งคำสอนของหลวงปู่หลิว
สรุป
หลวงปู่หลิว ถือได้ว่าเป็นเกจิที่ชาวนครปฐม รวมถึงลูกศิษย์ลูกหาจากทั่วประเทศให้การเคารพนับถือ เพราะขณะที่ท่านมีชีวิตได้สั่งสมความดี และสร้างวัดในถิ่นทุรกันดารหลายแหล่ง ทั้งใน จ.ราชบุรี, กาญจนบุรี, สุพรรณบุรี และ จ. นครปฐม
และด้วยการที่ท่านเป็นพระ สมถะ กินง่าย อยู่ง่าย มีวัตรปฏิบัติที่เพียบพร้อมแล้ว ไม่หวังในยศถาบรรดาศักดิ์ และเป็นนักพัฒนา มีอารมณ์ขัน จึงได้มีการส้รางรูปหล่อหลวงปู่หลิวประทับพญาเต่าเรือนนี้ขึ้นในวัด จนกลายเป็นสถานที่สักการะบูชา และของขลังสำหรับลูกศิษย์ลูกหาและนักท่องเที่ยวทั่วไป
ซึ่งสาเหตุที่เป็นพญาเต่าเรือนนั้น เป็นเพราะหลวงปู่หลิวอยากให้แปลกแตกต่างที่ที่อื่น จึงนึกถึงเต่าขึ้นมา เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาว เต่าเป็นสัตว์ที่มีศีลธรรม
นอกจากนี้ พลังอำนาจของพญาเต่า ที่เชื่อว่า เป็นพระโพธิสัตว์ประทานทรัพย์ และกลายเป็นอุปเท่ห์ ที่หลวงปู่หลิว นำมาสร้างเป็นวัตถุมงคล ลงอักขระยันต์หัวใจพญาเต่าเรือนปลุกเสกไว้บูชา สืบทอดมาถึงปัจจุบัน