การทำบุญนั้นเป็นสิ่งดีที่เราชาวพุทธควรที่จะกระทำ ไม่ว่าจะกับพระสงฆ์ เณร ชี หรือคนยากไร้ คนตกทุกข์ได้ยาก
ทำบุญจนหมดตัว “ในโลกนี้มีคนที่จนยาก แสนลำบากดิ้นรน ผู้มีทรัพย์อย่าละกรุณาควรเมตตาตั้งจิตอุทิศทานบริจาคโภคสละให้ ทั้งของใช้เสื้อผ้ากระยาหารสงเคาระห์คนจน เหลือช่วยเจือจาน นับเป็นทานการุณบุญอนันต์”
เมื่อประมาณ 50 กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว มีแม่ค้าคนหนึ่งชื่อนางสมบ้านอยู่จังหวัดนครสวรรค์ ค้าขายอยู่ที่ตลาดเป็นใจบุญ ชอบทำบุญทำกุศลอยู่เสมอ ๆ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ คนยากจน รวมไปถึงคนที่ตกระกำลำบากด้วย ลูกหลานคนไหนอยากบวชแต่ไม่มีเงินแกก็จะรับเป็นเจ้าภาพของเงินทองบวชให้ คนที่รับจ้างเข็นของอยู่ในตลาดนางสมก็บวชให้อยู่หลายคน
มียายอยู่คนหนึ่งบ้านอยู่ใกล้ตลาดยากจนมาก จะมาเก็บผักในตลาดที่แม่ค้าทิ้งเอาไปทำกับข้าวกิน นางสมก็ให้ผักให้ปลาไปเกือบทุกวันจนยายคนนั้นเกรงใจไม่กล้าเดินผ่านที่หน้าร้านของนางสม นางสมก็ยังสู้อุตส่าห์จ้างเด็กให้หิ้วไปให้ถึงที่บ้านซอมซอของแก ยายแกถึงกับยกมือไหว้ท่วมหัวน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ

หากนางสมรู้ว่าพระสงฆ์ หรือสามเณรรูปไหนไม่มีญาติโยมคอยส่งปิ่นโตอาหารคาวหวานเธอจะเป็นคนทำหน้าที่นี้เอง แล้วถ้าวัดไหนสร้างโบสถ์ สร้างศาลา หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆในวัด หากนางสมรู้ก็จะร่วมทำบุญด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าวัดแห่งนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม
นางสมเป็นคนค่อนข้างอาภัพ ถึงมีลูก 3 คนด้วยกัน แต่ลูก ๆ ของนางสมเกิดมาบุญน้อยเหลือเกินเจ็บป่วยได้ไข้ตายเสียตั้งแต่ยังเล็ก ๆ นางสมกับผัวก็พยายามขอพรจากสิ่งศักดิ์ขอมีลูกอีกสักคน แต่ก็ไม่เป็นผล สามีของนางสมก็เป็นคนใจบุญเหมือนกับเธอแต่ยังน้อยกว่าคือ ไม่ได้ใช้เงินทำบุญมากมายแต่เข้าวัดหาความสงบช่วยเหลือพระช่วยเหลือวัดด้วยแรงกาย
นางสมหวังไว้ว่าเกิดชาติหน้าจะได้พบกับความสุขความสบายและมีครอบครัวที่สมบูรณ์มีลูกหลานอบอุ่นไม่อ้างว้างที่เหมือนกับชาตินี้ การที่นางสมใช้เงินทำบุญมาโดยตลอดก็ได้บังเกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นกับชีวิต นั่นคือฐานะความเป็นอยู่ของนางสมค่อย ๆ ตกต่ำลง ของขายไม่ดี เงินที่หามาได้ก็น้อยลง ที่หามาได้ก็หร่อยหรอหมดไปกับการทำบุญ
สามีของนางสมไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ได้เป็นคนที่เสียดายเงินทองที่ถูกใช้จ่ายไปกับการทำบุญ เพราะทั้งสองคนไม่มีใครที่จะมารับมรดกต่ออีกแล้วต่อให้มีเงินมีทองมากมายมันก็ไม่เกิดประโยชน์แก่ตนเลย แต่ความตกต่ำที่เกิดขึ้นก็ทำให้นางสมต้องนอนเอามือก่ายหน้าผากบ้างในบางคืนเพราะแผงที่ขายของอยู่ก็ติดค้างค่าเช่าเขาอยู่หลายงวดเจ้าของแผงก็ทวงถามอยู่เสมอ

วันหนึ่งนางสมก็หันหน้าเข้าปรึกาากับสามีว่าจะเอาอย่างไรดีกับแผงขายของ สามีบอกว่าถ้าไปไม่ไหวจริง ๆ ก็หยุดขาย มันคงไม่ทำให้ถึงกับอดตาย เพราะว่าเรือกสวนเรายังมีอยู่ นางสมจึงตัดสินใจเด็ดขาดเลิกขายของ ส่วนค่าแผงที่ติดค้างก็จะค่อย ๆชดใช้ไปเรื่อย ๆจนกว่าจะใช้หมด นางสมเลิกขายของมาทำสวนแทน
เวลาที่มีผลิตผล ผลหมากรากไม้นางสมก็จะเอาไปขายเอง ในช่วงนี้พระ เณรที่นางสมทำปิ่นโตส่งรู้ดีถึงความลำบากของนางสม ด้บอกนางว่าไม่ต้องห่วงเพราะว่าพระบิณฑบาตรมามีกับข้าวเพียงพอที่จะฉันในมื้อเพล ถึงนางสมจะไม่มีเงินก็ยังทำปิ่นโตถวายพระอยู่อย่างสม่ำเสมอเพียงแต่ว่ากับข้าวที่เคยเป็นหมูเห็ดเป็ดไก่ถูกเปลี่ยนเป็นพืชผักเสียเป็นส่วนใหญ่
อยู่มาไม่นานนางสมล้มป่วยเกี่ยวกับความเครียดที่กัดกินเพราะไม่มีเงินทำบุญเหมือนแต่ก่อน นางสมนอนไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงทำงานไม่ไหวหมอที่รักษาก็หาเหตุไม่ได้ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นโรคที่เกี่ยวกับทางใจ สามีก็ไม่ได้ไปวัดเหมือนเดิมต้องมาคอยดูแลนางสมอยู่ไม่ห่าง
วันหนึ่งราว ๆ เที่ยง สามีได้ยินเสียงนางสมนอนละเมอพูดออกมาว่า “บ้านช่งใครน่ะ ทำไมช่างใหญ่โตสวยงามอะไรอย่างนี้ ข้าวปลาอาหารเต็มไปหมดเลย ทั้งของคาวของหวาน ขนมก็เยอะ ผลไม้ก็เยอะ น่ากินทั้งนั้นเลยของใครกันนี่” แล้วนางสมก็เงียบไป ช่วงบ่ายตื่นขึ้นมา สามีก็หาข้าวให้กินเล่าให้นางสมฟังว่านอนละเมอเพ้อพูดอะไรบ้าง
นางสมก็เล่าความฝันให้ฟังว่าไปเจอบ้านเมืองที่สวยงาม กว้างขวางมาก มีบ้านเรือนเต็มไปหมดล้วนปลูกสร้างอย่างสวยงาม นางจะเดินเข้าไปแต่ละหลังก็เดินเข้าไม่ได้ แต่มีอยู่หลังหนึ่งเข้าไปได้ เข้าไปได้เห็นว่าบ้านนั้นมีอะไรอยู่บ้างก็เจอของกินมีอยู่มากมายตามที่สามีได้ยิน แต่เมื่อนางเห็นข้าวแกงก็จำได้ว่าเป็นอาหารที่ยางทำบุญตอนใส่บาตร

นางได้เอ่ยกับสามีอีกว่า “ฉันอยากจะมีเงินทำบุญเหลือเกินจะได้ซื้อข้าวของทำบุญอีก” สามีก็ว่าที่ทำไปแล้วมันก็มากมายก่ายกอง ถึงไม่มีเงินทำบุญอีกก็ไม่เป็นไรเพราะว่าได้ทำมามากแล้ว ถึงอย่างไรเกิดมาชาติหน้าก็ไม่ลำบาก
และที่เห็นบ้านหลังใหญ่มีของกินเต็มไปหมดนั้นก็คงจะเป็นบุญทานที่นางสมได้ใส่บาตรทำบุญไป ข้าวของเหล่านั้นก็ได้ไปรออยู่ที่ชาติหน้าแล้วสามีของนางสมเนื่องจากเป็นคนที่เข้าวัดจึงพอที่จะเข้าใจความฝันของนางสมเป็นอย่างดี
หลังจากวันนั้นมานางสมก็เพียรแต่พูดว่าทำอย่างไรจะมีเงินทองเหมือนอย่างเก่าได้อีก “เราจะมีวาสนาอีกสักครั้งมั๊ย ถ้าเรามีเงินอีกหนก็จะทำบุญใหญ่สักครั้ง หลังจากนั้นจะตายก็ไม่เสียดายแล้ว” ฝ่ายสามีก็เฝ้าแต่ปลอบใจไม่ให้นางสมคิดหวังอะไรมากเกินไปเกรงว่อาการป่วยไข้จะหนักมากขึ้น
แต่นางสมดูจะไม่เชื่อคำปลอบโยนของสามีเลย เพราะนางสมเอาแต่ครุ่นคิด ทำให้เบื่อหน่ายในอาหารการกิน ไม่อยากกินข้าว ไม่อยากรู้เห็นอะไรอีก วัน ๆ เอาแต่นอนหลับตา กินแต่น้ำอย่างเดียว ทำให้ร่างกายซูบผอมลงทันตาเห็นอย่างน่าใจหาย สามีก็พยายามหาข้าวปลาอาหารดี ๆให้กิน แต่นางไม่แตะต้องเลย นางสมเอาแต่รำพันว่า “เราน่าจะรวยอีกสักทีนะ จะมีเงินอีกสักที”
สามีสงสารนางมากเห็นความตั้งใจอันแรงกล้าของนางสม เขาถึงบอกว่ามีช่องทางที่จะทำให้มีเงินได้อีกครั้ง โดยให้ขายที่สวน 8 ไร่ เอาเงินไปทำบุญ พอได้ยินดังนั้นนางสมก็ลืมตาโพรง เห็นดีด้วยไม่นึกเสียดายเลย จากนั้นจึงเอ่ยปากบอกขายสวนแก่คนที่รู้จักกัน เรืองการขายสวนได้แพร่ออกไปมีคนสนใจกันมากเพราะราคาที่ตั้งค่อนข้างถูกเนื่องจากต้องการขายให้ได้เร็วที่สุด
ช่วงระหว่างที่มีการต่อรองราคากันอยู่ คืนหนึ่งนางสมได้นอนได้ยินเสียงผู้หญิงมากระซิบบอกที่ข้างหูอย่างแผ่วเบามาก แต่จำได้ ตื่นมานางสมบอกให้สามีไปเสี่ยงโชคสักครั้งเพราะนางฝันเห็นตัวเลขน่าจะเป็นเลขหวย สามีได้รวบรวมเงินไปซื้อหวย แต่เลขที่ออกไม่ใช่อย่างที่นางฝัน นางสมผิดหวังอย่างมาก หมดอาลัยตายอยาก ไม่พูดไม่กิน ไม่ยอมรับรู้สื่อสารกับใคร ๆเลย

ครั้งหนึ่งนางได้รำพึงออกมาเบาๆ ว่า “บุญทานที่ได้ทำ ไม่ได้ช่วยอะไรในชาตินี้ได้เลย แล้วชาติหน้าบุญที่ทำไปจะช่วยอะไรได้” สามีได้ยินก็นิ่งเงียบนึกสงสารอย่างจับใจ นางคงหมดหวังกับบุญทานที่ได้ทำเอาไว้ นางยังพูดอีกว่า “จะตายก็ยอมแล้ว” แต่นางกลับไม่ตาย กลับค่อย ๆหายวันหายคืนจนหายดีมีแรงกระปรี้กระเปร่าทำงานได้ เจ้าของตลาดเห็นใจมาชวนไปค้าขายอีก ส่วนค่าเช่าแผงเก่ายกให้เลย
ทำบุญจนหมดตัว ไม่ดีนะ
นางสมกลับไปค้าขายอีกครั้ง ครั้งนี้ขายดิบขายดีกลับมีเงินมีทองขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนสวน 8 ไร่ ไม่ได้ขาย เพราะนางกับสามีคิดกันใหม่อีกครั้งว่า ถ้าขายไปก็หมดกัน เอาไว้ทำมาหากินสืบต่อไปจะดีกว่า ถึงแม้จะกลับมามีเงินอีกครั้งนางสมก็ไม่ได้ทำบุญเหมือนอย่างเก่า ระมัดระวังในการใช้เงินอย่างไตร่ตรอง
3 ปีต่อมา มีคนมาขยั้นขยอขายลน็อตตารี่ให้ เพราะเลขไม่สวยขายให้ใครเข้าก็ไม่เอา จนมาถึงนางสม หวยก็กำลังจะออกนางสงสารคนขายจึงช่วยซื้อเอาไว้ เมื่อรางวัลออกนางก็ยังไม่รู้ว่าที่ซื้อมาถูกหรือผิด
จนคนขายวิ่งหน้าตาตื่นมาที่แผงขายของละล่ำละลักบอกกับนาง “ถู่…ถู่…ถูกหวยแล้ว ถูกรางวัลที่ 1 แล้ว หวยอยู่ไหน เอาเก็บไว้ไหน “ นางสมอึ้งจนตัวชา นางไม่เชื่อว่าจะถูก กว่าจะตั้งตัวได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่
การที่นางสมได้ถูกหวยรวยขึ้นมาในพริบตา ทำให้นางสมเริ่มทำบุญอีกครั้ง แต่ก็ยังค้าขายต่อไป โดยมีสามีคอยเตือนอยู่เสมอให้ทำบุญอย่างมีสติเพราะเกรงว่าประวัติศาสาตร์จะซ้ำรอย
สรุป
การทำบุญนั้นเป็นสิ่งดีที่เราชาวพุทธควรที่จะกระทำ ตรวจหวย ไม่ว่าจะกับพระสงฆ์ เณร ชี หรือคนยากไร้ คนตกทุกข์ได้ยาก ก็ล้วนแต่เป็นบุญเป็นเรื่องดีทั้งสิ้น แต่การทำนั้นเราต้องทำอย่างมีสติ การทำบุญมีเท่าไหร่ทำเท่านั้น เอาที่เราสบายใจ ไม่จำเป็นที่ต้องทุ่มจนหมดตัวแทนที่จะได้บุญกลายเป็นเบียดเบียนตนเองแล้วจะได้บาปแทน. ruay
Cr.เรื่องเล่าอาจายร์ยอด